ขอให้คุณได้ ขจัดคราบเลือด ออกไปอย่างหมดจดนะคะ จะได้มีผ้าที่สะอาดกลับคืนมาอีกครั้ง ยิ่งเป็นชุดสีขาวด้วยแล้วอาจจะซักออกยากนิดนึง แต่ก็ไม่เกินความสามารถของเราแน่นอน จะได้ไม่ต้องทิ้งผ้าชิ้นนั้นไปอย่างน่าเสียดาย และเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก ยุคนี้อะไรประหยัดได้ก็ควรประหยัดนะคะ ขอให้ความสะอาดปราศจากคราบจงอยู่กับเพื่อนๆ ทุกท่านจ้า
จะตากบนราวหรือผึ่งไว้บนพื้นเรียบๆ ให้แห้งก็ได้ เมื่อผ้าแห้งอาจจะดูทื่อๆ ไปหน่อย แต่เมื่อซักเสร็จผ้าก็จะกลับมานุ่มเหมือนเดิม 8 ซักด้วยน้ำสะอาด. ถ้าคราบเลือดเลือนหายไปหมดแล้ว ให้นำผ้าไปซักน้ำเปล่าเพื่อล้างน้ำมะนาวออก แต่ถ้าคราบเจ้าปัญหายังอยู่ให้พรมน้ำพอหมาดก่อนนำไปตากแดดอีกครั้ง วิธีการ 5 ของ 5: ใช้วิธีที่รุนแรงกว่าเดิม 1 ขั้นตอนเหล่านี้มีความเสี่ยงต่อผ้าบางชนิด. วิธีการดังต่อไปนี้จะใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบที่มีประสิทธิภาพสูงซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นใยของผ้าบางชนิดได้ ผ้าที่เหมาะสมจึงควรมีสีขาว หรือเป็นผ้าที่มีความทนทาน นอกจากนี้ยังควรให้วิธีดังต่อไปนี้เป็นตัวเลือกสุดท้ายอีกด้วย 2 ทดลองเสียก่อน. เมื่อเลือกผลิตภัณฑ์ใดๆ ในการขจัดคราบเลือด ควรใช้สำลีก้านหรือกระดาษทิชชู่จุ่มผลิตภัณฑ์แล้วนำมาป้ายลงบนเนื้อผ้าเสียก่อน แล้วทิ้งไว้สัก 5-10 นาที เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ทำลายเนื้อผ้าหรือเกิดรอยด่าง 3 ใช้น้ำส้มสายชู. เป็นตัวเลือกที่ดีในการทำความสะอาดแต่ต้องระวังเพราะอาจกัดเนื้อผ้าได้ ให้แช่ผ้าลงในน้ำส้มสายชูประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นให้ใช้นิ้วมือขยี้ผ้าก่อนนำไปซักในน้ำสะอาด [7] ถ้ารอยเปื้อนจางลงแต่ยังไม่หายไปทั้งหมด ให้ทำขั้นตอนนี้ซ้ำอีกครั้ง 4 ลองใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์.
นำผ้าไปซักตามปกติ ควรผึ่งลมให้แห้ง และไม่ควรนำผ้าไปอบเพราะความร้อนจะทำให้คราบเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่ฝังแน่นในเส้นใยผ้า เมื่อผ้าแห้ง อย่าลืมตรวจดูว่าคราบเปื้อนจางหายไปหมดแล้วหรือยัง วิธีการ 4 ของ 5: ใช้น้ำมะนาวและแสงแดด 1 ทำแบบนี้ในวันที่มีแดดจ้า. วิธีนี้ใช้ของที่หาได้ใกล้ตัว แต่จะต้องรอให้ผ้าแห้งเสียก่อน จึงจะสามารถรู้ได้ว่าคราบเลือดที่เปื้อนอยู่ถูกขจัดออกไปหมดหรือเปล่า ข้อควรระวัง: น้ำมะนาวและแดดแรงๆ อาจทำให้ผ้าที่บอบบางอย่างผ้าไหมเสียหายได้ 2 แช่ผ้าที่เปื้อนในน้ำเย็น. ควรแช่ผ้าล่วงหน้าซักครู่ ระหว่างรอก็เตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้อย่างน้ำมะนาว เกลือ และถุงซิปขนาดใหญ่ [6] 3 บิดผ้าแล้วนำไปใส่ถุง. บิดผ้าแค่พอหมาดเท่านั้นก่อนจะนำไปใส่ถุงที่เตรียมไว้ 4 เติมน้ำมะนาวกับเกลือ. เทน้ำมะนาว 500 มล. (2 ถ้วย) และเกลืออีก 110 ก. (1/2 ถ้วย) โดยประมาณลงในถุงแล้วปิดให้สนิท 5 ใช้มือบีบ. ใช้มือบีบถุงให้ทั่วเพื่อให้น้ำมะนาวซึมเข้าสู่เนื้อผ้า เกลือบางส่วนอาจจะละลายไปแล้ว แต่ส่วนที่ยังเหลืออยู่จะช่วยขจัดคราบเปื้อนได้ ต้องไม่ลืมเน้นบริเวณที่มีคราบเลือดติดอยู่เป็นพิเศษ 6 ทิ้งไว้เพียง 10 นาที. เมื่อครบ 10 นาทีให้น้ำผ้าออกจากถุงแล้วบิดเอาน้ำมะนาวออก 7 นำผ้าไปตากแดด.
ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ที่สามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปราดลงบนรอยเปื้อนโดยตรง หรือเลือกใช้สำลีก้อนจุ่มแล้วทาก็ได้ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์จะกัดทำลายเนื้อผ้าและอาจทำให้สีซีดได้ โดยให้นำผ้าไปไว้ในที่มืด 5-10 นาที เนื่องจากแสงจะทำลายฤทธิ์ของไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ก่อนจะใช้ฟองน้ำหรือผ้าซับออก [8] 5 ใช้แอมโมเนียเจือจาง. เลือกใช้แอมโมเนียที่นิยมใช้กันในครัวเรือนหรือที่เรียกว่า "แอมโมเนียไฮดรอกไซด์" นำไปผสมน้ำในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วนำมาหยดลงบนคราบเลือด ทิ้งไว้ 15 นาทีก่อนจะซับออกแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด [9] อย่าลืมว่าควรทดลองบริเวณเล็กๆ ก่อน หากผ้าเป็นรอยด่างให้เจือจางส่วนผสม โดยใช้แอมโมเนียไฮดรอกไซด์ 15 มล. )
หากคุณทราบถึงเคล็ดลับดีๆ ในการซักผ้าที่ถูกต้อง การซักผ้าแต่ละประเภทของคุณจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นทันที คลิกที่นี่สำหรับคำแนะนำดีๆ จากบรีส หน้าแรก เคล็ดลับการซักผ้า
เมื่อเนื้อผ้าเริ่มแห้งและฟองสบู่ลดน้อยลง ให้ราดน้ำสะอาดลงในบริเวณที่กำลังทำความสะอาดและลงสบู่เพิ่ม ขยี้คราบเปื้อนต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ารอยจะจางลง แต่ถ้าหลังขยี้ประมาณ 5 - 10 นาทีแล้วยังไม่เห็นผลให้ลองขยี้แรงขึ้นหรือจะลองเปลี่ยนวิธีดูก็ได้ วิธีการ 2 ของ 5: ใช้ผงหมักเนื้อนุ่ม 1 ผงหมักเนื้อนุ่มสามารถใช้ได้กับทุกเนื้อผ้า แต่ต้องระวังเป็นพิเศษเมื่อใช้บนผ้าไหมหรือผ้าขนสัตว์. สามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป โดยผงหมักเนื้อนี้มีคุณสมบัติในการสลายโปรตีนที่อยู่ในคราบเลือด ผู้เชี่ยวชาญด้านผ้าไหมเปิดเผยว่า ในขณะที่ผงหมักเนื้อนุ่มสามารถสลายโปรตีนในคราบเลือดได้ มันก็สามารถทำลายเส้นใยในเนื้อผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ได้เช่นกัน [3] อย่าลืมทดลองในบริเวณเล็กๆ เสียก่อนเพื่อป้องกันเสื้อผ้าเสียหาย ผสมผงหมักเนื้อนุ่มแบบไม่ปรุงรสกับน้ำเปล่า. ใช้น้ำประมาณ 15 มล. (1 ช. ต. ) ผสมกับผงหมักเนื้อ โดยค่อยๆ เติมน้ำพร้อมกับคนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมงวดและเกิดฟอง ห้ามใช้ผงหมักเนื้อนุ่มแบบปรุงรสเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผ้าเป็นรอยด่างได้ 3 ถูส่วนผสมบนผ้า. เกลี่ยส่วนผสมให้ทั่วบริเวณคราบเปื้อนแล้วใช้นิ้วถูเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง 4 ล้างแล้วจึงค่อยนำไปซัก.
หลังจากทิ้งส่วนผสมไว้บนผ้า 1 ชั่วโมงแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็นก่อนนำไปซักตามปกติ ควรผึ่งลมให้แห้ง และไม่ควรนำผ้าไปอบเพราะความร้อนจะทำให้คราบเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่ฝังแน่นในเส้นใยผ้า วิธีการ 3 ของ 5: ใช้เอนไซม์ขจัดคราบ 1 ห้ามใช้กับผ้าขนสัตว์หรือผ้าไหม. เนื่องจากคราบเลือดฝังตัวอยู่บนเนื้อผ้าใช้โปรตีนเป็นตัวยึดเกาะ เอนไซม์ขจัดคราบจะทำหน้าที่ย่อยสลายโปรตีนเหล่านั้นทำให้คราบเปื้อนเลือนหายไป ส่วนผ้าขนสัตว์และผ้าไหมมีโปรตีนเป็นส่วนประกอบสำคัญ การใช้เอนไซม์ขจัดคราบบนเนื้อผ้าเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ [4] เลือกเอนไซม์ขจัดคราบ. ถ้าหาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ ให้ลองเลือกใช้ผงซักฟอกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมดูก่อน ส่วนมากผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะมีส่วนผสมของเอนไซม์ที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติอยู่ [5] อาจทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้านำเข้าจากต่างประเทศอย่างยี่ห้อเนเจอร์สมิราเคิล หรือเซเว่นเจเนอเรชั่นก็ได้ 3 ฉีดน้ำเย็นเพื่อขจัดคราบบางส่วนออกก่อน. ใช้นิ้วมือหรืออุปกรณ์ที่ไม่แหลมคมจนเกินไป ขูดคราบเลือดที่แห้งออก 4 แช่ผ้าที่เปื้อนลงในน้ำเย็นพร้อมผสมเอนไซม์ขจัดคราบ. ใช้ผลิตภัณฑ์ประมาณ 120 มล. (1/2 ถ้วย) ผสมน้ำแล้วแช่ผ้าลงไป ถ้าหากเป็นคราบเลือดที่ติดอยู่นานแล้วอาจต้องใช้เวลามากถึง 8 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ด้วย อีกวิธีที่สามารถลองทำได้คือ ใช้แปรงสีฟันเก่าๆ จุ่มในเอนไซม์ขจัดคราบแล้วนำไปถูบริเวณรอยเปื้อนก่อนนำผ้าไปแช่ 5 ซักแล้วตากให้แห้ง.
คราบเลือดที่แห้งติดอยู่บนเนื้อผ้ายังสามารถขจัดได้อยู่ ขอแค่ยังไม่นำไปซักและอบแห้งก็ไม่ยากอย่างที่คิดแล้วล่ะ วิธีการขจัดคราบเลือดมีมากมายตั้งแต่การใช้เครื่องครัวหรืออุปกรณ์ทำความสะอาดอื่นๆ ที่หาได้ในบ้าน ไปจนถึงการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบที่มีประสิทธิภาพสูง การขจัดคราบเลือดต้องระมัดระวังเนื้อผ้าที่มีความบอบบางอย่างผ้าไหม หรือผ้าขนสัตว์เป็นพิเศษ วิธีการ 1 ของ 5: ขยี้ในน้ำสบู่ 1 วิธีนี้เหมาะกับการขจัดคราบเปื้อนบนผ้าลินินหรือคอตตอน. การขยี้ผ้าเบาๆ ในน้ำสบู่ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เลย แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อยเท่านั้นเอง การทำแบบนี้เหมาะกับการขจัดคราบบนผ้าที่ทอจากเส้นใยธรรมชาติ ส่วนเนื้อผ้าที่ทอเป็นรูรูปข้าวหลามตัดหรือรังผึ้งนั้น จะต้องอาศัยเวลาในการขยี้เพิ่มเข้าไปและจะต้องเบามือลงด้วย โดยมากแล้วผ้าประเภทนี้จะเป็นใยสังเคราะห์หรือผ้าขนสัตว์ต่างๆ 2 กลับด้านให้รอยเปื้อนคว่ำลง. การทำแบบนี้จะช่วยให้น้ำซึมเข้าจากด้านหลังของเนื้อผ้าและช่วยผลักให้คราบเลือดหลุดออกง่ายขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับการปล่อยให้น้ำชะคราบเลือดออกโดยการฉีดเข้าไปยังบริเวณคราบโดยตรงแล้ว วิธีนี้จะได้ผลที่ดียิ่งกว่า [1] เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรกลับตะเข็บเสื้อผ้า 3 ใช้น้ำฉีดคราบเปื้อน.
รองเท้า รัด ส้น ใส่ สบาย, 2024 | Sitemap